
การมีสมาชิกในครอบครัวที่ต้องอยู่ในภาวะผู้ป่วยติดเตียง นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับผู้ดูแล เพราะไม่เพียงแต่ต้องทุ่มเทเวลาและกำลังกาย แต่ยังต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย และที่สำคัญคือการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย บทความนี้ Medila Wellness จะชวนคุณไปเข้าใจวิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียง ตั้งแต่วิธีการพื้นฐานที่จำเป็นไปจนถึงข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม
ความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยติดเตียงนั้นมีมากกว่าการดูแลกิจวัตรประจำวัน แต่เป็นหัวใจหลักในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น แผลกดทับ ภาวะกล้ามเนื้อลีบ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและทางเดินปัสสาวะ การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวทางร่างกายเท่าที่เป็นไปได้ และยังช่วยประคับประคองสภาพจิตใจของผู้ป่วยไม่ให้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล การดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ดีจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันและปัจจัยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในทุก ๆ วัน
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงจำเป็นต้องมีหลักการและขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้การดูแลครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่อไปนี้คือ 5 วิธีการหลักที่ผู้ดูแลทุกคนควรยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
การพลิกตัวผู้ป่วยเป็นประจำคือหนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดของการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ซึ่งเกิดจากแรงกดทับที่ผิวหนังเป็นเวลานานจนขาดเลือดไปเลี้ยง เราควรพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก ๆ 2 ชั่วโมง สลับซ้าย-ขวา และท่านอนหงาย การจัดท่านอนควรใช้หมอนหรืออุปกรณ์เสริมช่วยรองรับตามปุ่มกระดูกต่าง ๆ เช่น หลัง ข้อศอก สะโพก และส้นเท้า เพื่อกระจายแรงกดทับอย่างเหมาะสม ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นและลดความเสี่ยงการเกิดแผลได้อย่างมีนัยสำคัญ
โภชนาการที่เหมาะสมเป็นพื้นฐานของการฟื้นฟูร่างกาย อาหารสำหรับผู้ป่วยควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย กลืนสะดวก หรืออาจเป็นอาหารปั่นเหลวตามคำแนะนำของแพทย์ ในขณะที่รับประทานอาหารควรจัดให้ผู้ป่วยนั่งในท่าศีรษะสูง เพื่อป้องกันการสำลัก
การรักษาความสะอาดร่างกายของผู้ป่วยติดเตียงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันการติดเชื้อและสร้างความสบายตัวให้ผู้ป่วย เราควรเช็ดตัวผู้ป่วยด้วยน้ำอุ่นอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง เน้นทำความสะอาดตามข้อพับและจุดอับชื้น รวมถึงการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการแปรงฟันหรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อในปอดได้
ส่วนการขับถ่ายนั้น การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษหลังการขับถ่ายทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และควรสังเกตปริมาณและลักษณะของอุจจาระและปัสสาวะ เพื่อประเมินสภาวะสุขภาพเบื้องต้นของผู้ป่วย ที่สำคัญการดูแลผู้ป่วยติดเตียง ควรมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนให้สะอาดอยู่เสมอ
ผู้ป่วยที่นอนนิ่งเป็นเวลานานมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อลีบและข้อติดแข็ง การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้นจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เราสามารถช่วยผู้ป่วยบริหารร่างกายได้ด้วยการขยับข้อต่อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ เช่น การงอ-เหยียดแขน ขา ข้อเท้า และข้อมือ การเคลื่อนไหวเบา ๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และชะลอการลีบของกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟื้นฟูในลำดับต่อไป
สภาพร่างกายและจิตใจมีความเชื่อมโยงกัน การดูแลผู้ป่วยติดเตียงจึงต้องให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจของผู้ป่วยด้วย การพูดคุยด้วยความใส่ใจ การเล่าเรื่องราวต่าง ๆ หรือการเปิดเพลงเบา ๆ สามารถช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ นอกจากนี้ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่ทำได้ เพื่อให้พวกเขายังรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง การสื่อสารที่เป็นบวกและการให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้กับความเจ็บป่วยต่อไป
นอกเหนือจากวิธีการดูแลหลักทั้ง 5 ข้อแล้ว ยังมีภาวะแทรกซ้อนและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ผู้ดูแลต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง การมีความรู้ความเข้าใจในข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
แผลกดทับยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง โดยมักเกิดบริเวณปุ่มกระดูกที่รับน้ำหนัก เช่น ก้นกบ สะโพก ส้นเท้า และท้ายทอย ผู้ดูแลต้องหมั่นสังเกตผิวหนังของผู้ป่วย โดยเฉพาะบริเวณดังกล่าว หากพบรอยแดงที่กดแล้วสีไม่จางลง แสดงว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแผลกดทับ ต้องรีบจัดท่าเพื่อลดแรงกดทับบริเวณนั้นทันที และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับการดูแลที่ถูกต้องต่อไป
การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานานส่งผลโดยตรงต่อระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบลงและข้อต่อเกิดการยึดติดจน ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มช่วงปกติ ภาวะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้การฟื้นฟูร่างกายทำได้ยากขึ้น แต่ยังสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยอีกด้วย ดังนั้นการทำกายภาพบำบัดเบื้องต้นตามที่กล่าวไปข้างต้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เพื่อคงสภาพของกล้ามเนื้อและข้อต่อไว้ให้ได้มากที่สุด
ผู้ป่วยติดเตียงมักมีปัญหาในการกลืนและการไอขับเสมหะ ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการสำลักอาหารหรือน้ำลายเข้าสู่หลอดลม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การดูแลผู้ป่วยติดเตียงจึงต้องระมัดระวัง โดยการปรับท่าทางขณะป้อนอาหารให้ศีรษะสูงเสมอ เลือกอาหารที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเคาะปอดเพื่อช่วยระบายเสมหะตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
การต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ดังเดิม ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจ ผู้ป่วยอาจรู้สึกสิ้นหวัง โดดเดี่ยว และพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ผู้ดูแลจึงต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น อาการเศร้าซึม เก็บตัว หรือหงุดหงิดง่ายผิดปกติ การให้เวลาพูดคุยรับฟังและให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น การปรึกษาจิตแพทย์ก็เป็นทางเลือกที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ครอบคลุมทั้งกายและใจ
ผู้ป่วยติดเตียงมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าคนปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และการติดเชื้อที่ผิวหนังจากแผลต่าง ๆ หรือความอับชื้น การดูแลผู้ป่วยติดเตียงจึงต้องยึดหลักความสะอาดอย่างเคร่งครัด ทั้งความสะอาดของร่างกายผู้ป่วย อุปกรณ์ที่ใช้ และความสะอาดของผู้ดูแลเอง การล้างมือให้ถูกต้องก่อนและหลังการให้การดูแลทุกครั้งเป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นงานที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ การมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยทุ่นแรงผู้ดูแลได้ และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย อุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยมีด้วยกันหลายอย่าง ดังนี้
การพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยโดยทั่วไปแนะนำให้ทำทุก ๆ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งที่ถูกกดทับและส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตบริเวณผิวหนังให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นวิธีป้องกันการเกิดแผลกดทับที่มีประสิทธิภาพที่สุด
โภชนาการถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยติดเตียงควรมีลักษณะข้นหนืดพอประมาณ ไม่เหลวจนเกินไปจนสำลักง่าย และไม่แข็งจนเคี้ยวหรือกลืนลำบาก เช่น โจ๊กข้น ๆ มันบด ฟักทองบด หรืออาหารที่ผ่านการปั่นละเอียด ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นน้ำใสและอาหารที่มีเนื้อสัมผัสหลายแบบปนกัน
เมื่อสังเกตจากอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด เก็บตัวเงียบ ไม่พูดคุย เบื่ออาหาร หรือนอนไม่หลับ หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้เวลาพูดคุยรับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ ให้กำลังใจ และหากอาการยังคงอยู่หรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการประเมินและดูแลรักษาต่อไป
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยทั้งความรัก ความอดทน และความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การปฏิบัติตามแนวทางหลัก 5 ประการ ได้แก่ การพลิกตัว การดูแลโภชนาการและขับถ่าย การรักษาความสะอาด การทำกายภาพบำบัด และการดูแลจิตใจ ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เราสามารถมอบการดูแลที่มีคุณภาพสูงสุดให้แก่ผู้ป่วยได้ การดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ดีไม่เพียงช่วยยืดอายุขัย แต่ยังเป็นการเติมเต็มคุณภาพชีวิตและรักษาศักดิ์ศรีของผู้ป่วยให้คงอยู่ต่อไป
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
LINE: @medilawellness
Facebook: Medila Health Care ศูนย์รวมสินค้าสุขภาพและเครื่องมือแพทย์
โทร: 088 098 4999 – ศูนย์บริการ
โทร: 080 056 7744 – ติดต่อเป็นตัวแทนจำหน่าย



Medila Wellness ศูนย์รวมรถเข็นวีลแชร์และของใช้เพื่อสุขภาพ
© 2025, Medila. All rights reserved