ศูนย์รวมรถเข็นวีลแชร์และของใช้เพื่อสุขภาพ

ผู้ป่วยติดเตียงมีกี่ประเภท และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

ผู้ป่วยติดเตียงมีกี่ประเภท และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

ภาวะผู้ป่วยติดเตียงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล การทำความเข้าใจถึงประเภทและความแตกต่างของผู้ป่วยติดเตียงแต่ละกลุ่มจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการดูแลที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด บทความนี้จะชวนทุกคนไปดูกันว่าผู้ป่วยติดเตียงมีกี่ประเภท เพื่อให้สามารถรับมือ และวางแผนดูแลได้อย่างถูกวิธี

ทำความเข้าใจผู้ป่วยติดเตียง

ผู้ป่วยติดเตียง คือ บุคคลที่มีภาวะร่างกายเสื่อมถอยหรือเจ็บป่วยรุนแรงจนสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ทำให้ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนเตียง ไม่สามารถลุก นั่ง หรือเดินได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องมีผู้ดูแลช่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน ซึ่งภาวะนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ที่เป็นผลมาจากโรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุรุนแรง ซึ่งส่งผลให้การดูแลผู้ป่วยมีความซับซ้อนและต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ

ผู้ป่วยติดเตียงมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ผู้ป่วยติดเตียงมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

เพื่อให้การประเมินและวางแผนการดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทางการแพทย์จึงได้มีการแบ่งประเภทของผู้ป่วยติดเตียง ออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ  โดยใช้เกณฑ์ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองและระดับความรุนแรงของอาการเป็นหลัก ซึ่งคำถามสำคัญที่ว่า ผู้ป่วยติดเตียง มีกี่ประเภท สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

ผู้ป่วยติดเตียงกลุ่มสีเขียว

ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ถือเป็นกลุ่มที่มีอาการในระดับเริ่มต้นหรือไม่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายบนเตียงได้เองบ้าง เช่น การพลิกตัว หรือขยับแขนขา รวมถึงอาจช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้ เช่น การรับประทานอาหาร แม้จะยังต้องการผู้ดูแลคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังมีการรับรู้ที่ดีและสื่อสารได้ จึงเป็นกลุ่มที่มีโอกาสฟื้นตัวและพัฒนาศักยภาพร่างกายได้หากได้รับการกระตุ้นและทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ป่วยติดเตียงกลุ่มสีเหลือง

สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง จะมีอาการในระดับปานกลาง มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เหมือนกลุ่มสีเขียว มักมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้การพลิกตัวเองเป็นไปได้ยากหรือทำไม่ได้เลย จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะแผลกดทับ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงต้องเพิ่มความใส่ใจในการพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง การดูแลความสะอาด และการป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

ผู้ป่วยติดเตียงกลุ่มสีแดง

ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง คือกลุ่มที่มีอาการรุนแรงที่สุด ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย ไม่รู้สึกตัว หรือการรับรู้และการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นน้อยมาก ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องพึ่งพาผู้ดูแลในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การให้อาหารทางสายยาง การขับถ่าย ไปจนถึงการหายใจที่อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงมีความซับซ้อนและต้องอาศัยทักษะความรู้ทางการพยาบาล เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา

สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะผู้ป่วยติดเตียง

สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะผู้ป่วยติดเตียง

ภาวะผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่โรค แต่เป็นผลลัพธ์มาจากความเจ็บป่วยหรือสภาวะที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง สาเหตุหลักมักเกิดจาก

  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่ทำให้เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต 
  • ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่สมองหรือไขสันหลัง
  • โรคทางระบบประสาทที่เสื่อมลงเรื่อย ๆ เช่น พาร์กินสันในระยะท้าย 
  • โรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่อยู่ในระยะสุดท้าย เช่น มะเร็ง ไตวาย หรือภาวะหัวใจล้มเหลว 
  • ภาวะหลังผ่าตัดใหญ่ที่ร่างกายต้องการเวลาพักฟื้นนานและมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ช้า

สัญญาณและอาการสำคัญที่พบในผู้ป่วยติดเตียง

สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของผู้ป่วยติดเตียง คือ การไม่สามารถลุกจากเตียงได้ด้วยตนเอง มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมาก ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นส่วนใหญ่หรือตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่พบร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้อแขนขาลีบเล็กลงเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน มีปัญหาในการทรงตัว ไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันพื้นฐานได้ และต้องมีผู้ดูแลในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การรับประทานอาหาร การอาบน้ำ ไปจนถึงการขับถ่าย ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะของผู้ป่วยติดเตียง

ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยติดเตียง

แผลกดทับ

แผลกดทับเป็นภาวะแทรกซ้อนอันดับต้น ๆ ที่พบได้ในผู้ป่วยติดเตียง เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณปุ่มกระดูก เช่น ท้ายทอย สะบัก ศอก ส้นเท้า หรือก้นกบ ถูกกดทับเป็นเวลานาน จนเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงได้ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายและเกิดเป็นแผลขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี แผลอาจลุกลามลึกถึงกระดูกและเกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ การป้องกันจึงสำคัญกว่าการรักษา โดยการพลิกตัวผู้ป่วยบ่อย ๆ และใช้อุปกรณ์เสริมอย่างที่นอนลม

ข้อติดและกล้ามเนื้อลีบ

เมื่อร่างกายของผู้ป่วยไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน จะทำให้ภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบ (Muscle atrophy) เนื่องจากไม่ได้ใช้งาน และข้อต่อต่าง ๆ จะเกิดการยึดติด ทำให้ไม่สามารถเหยียดหรืองอข้อต่อนั้น ๆ ได้ตามปกติ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูร่างกายในอนาคต ดังนั้น การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น เช่น การขยับข้อต่อต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยทุกวัน สามารถป้องกันภาวะข้อติดได้

การติดเชื้อ

ผู้ป่วยติดเตียงมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ต่ำกว่าคนปกติ ประกอบกับการนอนนิ่ง ๆ เป็นเวลานาน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ (ปอดอักเสบ) เนื่องจากการหายใจตื้นและการขยายตัวของปอดไม่เต็มที่ และการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักสัมพันธ์กับการคาสายสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน การดูแลความสะอาดร่างกายและสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยจึงเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงเหล่านี้

ภาวะกลืนลำบากและสำลัก

กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวและกลืนอาจอ่อนแรงลง ทำให้เกิดภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากต่อการสำลักอาหาร หรือทำให้ของเหลวเข้าไปในหลอดลมและปอด จนเกิดภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง การปรับลักษณะอาหารให้อ่อนนุ่ม กลืนง่าย และจัดท่าทางของผู้ป่วยให้นั่งศีรษะสูงขณะรับประทานอาหาร จึงเป็นวิธีป้องกันที่สำคัญ

ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางสุขภาพจิต

นอกเหนือจากปัญหาสุขภาพกายแล้ว สุขภาพจิตของผู้ป่วยก็เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ การต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง เบื่อหน่าย และโดดเดี่ยว จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ การพูดคุยให้กำลังใจ จัดหากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำบนเตียง หรือการใช้อุปกรณ์เสริมอย่างรถเข็นผู้ป่วย เพื่อพาออกไปรับอากาศบริสุทธิ์นอกห้องบ้าง จะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตใจและลดความรู้สึกโดดเดี่ยวใน ได้เป็นอย่างดี

แนวทางการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกวิธี

แนวทางการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกวิธี

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม หัวใจสำคัญคือการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันแผลกดทับ การทำกายภาพบำบัดเพื่อป้องกันข้อติด การดูแลความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ 

นอกจากนี้ อุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีเตียงผู้ป่วยที่สามารถปรับระดับได้ จะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งในการป้อนอาหาร การทำความสะอาด และการเปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งช่วยลดภาระของผู้ดูแลและเพิ่มความสบายให้กับผู้ป่วยได้

สรุป

คำถามที่ว่าผู้ป่วยติดเตียง มีกี่ประเภท สามารถตอบได้ว่ามี 3 กลุ่มหลัก คือ เขียว เหลือง และแดง ซึ่งการแบ่งประเภทนี้ช่วยให้เราเข้าใจระดับความรุนแรงและวางแผนการดูแลได้ดียิ่งขึ้น เพราะการดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นงานที่ท้าทายและต้องใช้ความทุ่มเท แต่หากเรามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น จะทำให้สามารถให้การดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

LINE: @medilawellness
Facebook: Medila Health Care ศูนย์รวมสินค้าสุขภาพและเครื่องมือแพทย์
โทร: 088 098 4999 – ศูนย์บริการ
โทร: 080 056 7744 – ติดต่อเป็นตัวแทนจำหน่าย